อินเวอร์เตอร์ (Inverter) คืออะไร และทำงานอย่างไร?
ความหมายและการทำงานของอินเวอร์เตอร์
การสตาร์ทมอเตอร์แบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) หรือที่เรียกว่า Variable Frequency Drive (VFD) เป็นการควบคุมความเร็วและแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC motor) โดยการปรับเปลี่ยนความถี่และแรงดันไฟฟ้าโดยการใช้ อินเวอร์เตอร์ช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานของมอเตอร์ได้อย่างละเอียด ทำให้ลดกระแสไฟฟ้าขณะสตาร์ท มอเตอร์ และช่วเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน
หลักการทำงานของอินเวอร์เตอร์
1.การแปลงไฟฟ้ากระแสสลับเป็นกระแสตรง (AC to DC)
อินเวอร์เตอร์จะรับแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) จากแหล่งจ่ายไฟและแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ผ่านวงจรที่เรียกว่า Rectifier (เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า)
2.การปรับความถี่และแรงดันไฟฟ้า
หลังจากแปลงไฟฟ้าเป็นกระแสตรงแล้ว อินเวอร์เตอร์จะปรับแรงดันและความถี่ของกระแสไฟฟ้าตามความต้องการของมอเตอร์
3.การแปลงไฟฟ้ากระแสตรงกลับเป็นกระแสสลับ (DC to AC)
อินเวอร์เตอร์จะทำการแปลงไฟฟ้ากระแสตรงกลับเป็นไฟฟ้ากระแสสลับที่มีความถี่และแรงดันที่ปรับได้ ซึ่งจะถูกป้อนให้กับมอเตอร์
ข้อดีของการสตาร์ทมอเตอร์แบบอินเวอร์เตอร์
1.การควบคุมความเร็วที่แม่นยำ
อินเวอร์เตอร์ช่วยให้สามารถปรับความเร็วรอบของมอเตอร์ได้อย่างละเอียดและแม่นยำ
2.ลดกระแสสตาร์ท
การเริ่มต้นมอเตอร์ด้วยอินเวอร์เตอร์ช่วยลดกระแสขณะเริ่มสตาร์ท ซึ่งป้องกันการกระชากของกระแสไฟฟ้าและลดการสึกหรอของมอเตอร์และอุปกรณ์
3.ประหยัดพลังงาน
อินเวอร์เตอร์สามารถปรับความเร็วของมอเตอร์ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจริง ทำให้ลดการใช้พลังงาน
4.ยืดอายุการใช้งานของมอเตอร์
การลดแรงกระแทกจากการสตาร์ทแบบทันทีทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของมอเตอร์สึกหรอน้อยลง
การนำไปใช้งาน
การสตาร์ทมอเตอร์แบบอินเวอร์เตอร์เหมาะสำหรับงานที่ต้องการควบคุมความเร็วของมอเตอร์อย่างละเอียด ตัวอย่างเช่น:
1.การควบคุมปั๊มน้ำ
การปรับความเร็วของปั๊มน้ำตามความต้องการใช้งานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
2.ระบบสายพานลำเลียง
การควบคุมความเร็วของสายพานลำเลียงช่วยในการควบคุมการลำเลียงวัสดุอย่างแม่นยำ
3.การระบายอากาศ (HVAC)
การควบคุมความเร็วของพัดลมระบายอากาศช่วยในการรักษาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
4.การควบคุมเครื่องจักรในอุตสาหกรรม
การสตาร์ทและหยุดเครื่องจักรที่ต้องการความแม่นยำในการควบคุมความเร็ว
การใช้อินเวอร์เตอร์ช่วยให้การควบคุมมอเตอร์มีความยืดหยุ่นและประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานและการลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว


เลือก VFD หรือ Soft Starter ให้เหมาะสมกับการใช้งานมอเตอร์?
ทำความเข้าใจหลักการทำงานของ Soft Starter
- Soft Starter เพื่อการสตาร์ตและหยุดมอเตอร์อย่างนุ่มนวล
- Soft Starter เป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมแรงดันและกระแสไฟฟ้าในช่วงเริ่มต้นการทำงานของมอเตอร์ ทำให้มอเตอร์สตาร์ตได้อย่างนุ่มนวลและลดกระแสกระชาก (Inrush Current) ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของมอเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบ
- แม้ว่าจะช่วยลดแรงกระชากได้ดี แต่ Soft Starter ไม่สามารถควบคุมความเร็วรอบของมอเตอร์ได้ตลอดเวลาการทำงาน
VFD (Inverter) กับการควบคุมที่ดี
- VFD (Inverter) เพื่อการควบคุมความเร็วรอบอย่างแม่นยำ
- VFD หรือที่เราเรียกกันทั่วไปว่า Inverter เป็นอุปกรณ์ที่สามารถควบคุมความเร็วรอบของมอเตอร์ได้ตลอดเวลาการทำงาน โดยการเปลี่ยนความถี่ของไฟฟ้าที่จ่ายให้แก่มอเตอร์
- การใช้ Inverter ช่วยให้สามารถปรับความเร็วของมอเตอร์ให้เหมาะสมกับโหลดที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการใช้พลังงานแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบโดยรวม
สรุปข้อแตกต่าง เมื่อไหร่ควรใช้ Soft Starter และ VFD?
- สถานการณ์ที่ควรเลือกใช้ Soft Starter
- เมื่อการใช้งานไม่จำเป็นต้องควบคุมความเร็วรอบของมอเตอร์ แต่ต้องการลดแรงกระชากในช่วงสตาร์ตเท่านั้น
- เหมาะสำหรับปั๊มน้ำ, พัดลม, หรือสายพานลำเลียงที่ต้องการให้สตาร์ตและหยุดอย่างนุ่มนวล
- สถานการณ์ที่ควรเลือกใช้ VFD (Inverter)
- เมื่อต้องการควบคุมความเร็วรอบของมอเตอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับกระบวนการผลิตต่างๆ เช่น เครื่องผสม, เครื่องบด, หรือในระบบปรับอากาศที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างแม่นยำ
- เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูงและต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว
ต้องการควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์อย่างแม่นยำ? เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Inverter และวิธีที่จะช่วยให้กระบวนการผลิตของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุดได้ที่นี่ ติดต่อเรา
โทร : 065-994-3666
Line: @teragroup
Facebook: Tera Group

















































